มัดรวมไว้ที่เดียว มาตรการแบงก์รัฐ ช่วยน้ำท่วมใต้ พักหนี้ สินเชื่อ ลดดอกเบี้ย

2024-11-30 HaiPress

ทีมข่าว เศรษฐกิจ เดลินิวส์ ขอรวบรวมแนวทางมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม จากธนาคารรัฐที่ส่งความช่วยเหลือออกมา ดังนี้

ขณะที่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ส่งผลให้ที่อยู่อาศัยและการประกอบอาชีพของประชาชนได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก ทีมข่าว เศรษฐกิจ เดลินิวส์ ขอรวบรวมแนวทางมาตรการช่วยเหลือจากที่ต่างๆ จากธนาคารรัฐที่ส่งความช่วยเหลือออกมา มีดังต่อไปนี้

ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)

ธ.ก.ส. จึงได้จัดทำมาตรการเร่งด่วนเพื่อดูแลเกษตรกรลูกค้าของธนาคารที่ได้รับความเดือดร้อนและผลผลิตได้รับความเสียหายจนส่งผลกระทบต่อรายได้ โดยให้ลูกค้าสามารถเลื่อนระยะเวลาการชำระหนี้ออกไปสูงสุดไม่เกิน 1 ปี และไม่คิดดอกเบี้ยปรับ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น ซึ่งลูกค้าสามารถแจ้งความประสงค์ได้ที่สาขาในพื้นที่ได้ตั้งแต่บัดนี้จนถึง 31 มกราคม 2568

นอกจากนี้ สำหรับพื้นที่ที่ประกาศเป็นเขตประสบภัยโดยผู้ว่าราชการจังหวัด ธ.ก.ส. ยังได้จัดทำมาตรการฟื้นฟูและเสริมสภาพคล่องเกษตรกรผ่าน

โครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน ปี 2567/68 เพื่อเสริมสภาพคล่องเกษตรกรในด้านค่าใช้จ่ายทั่วไป เช่น ค่าอุปโภคและบริโภคที่จำเป็น อัตราดอกเบี้ย 0% ต่อปี นาน 6 เดือนแรก เดือนที่ 7 คิดอัตราดอกเบี้ย MRR (ปัจจุบัน MRR เท่ากับ 6.875% ต่อปี) วงเงินให้กู้รายละไม่เกิน 50,000 บาท ผ่อนชำระนานสูงสุดไม่เกิน 3 ปีโครงการสินเชื่อฟื้นฟูและพัฒนาคุณภาพชีวิต เพื่อเป็นค่าลงทุนในการซ่อมแซมบ้านเรือนและทรัพย์สิน ค่าซ่อมเครื่องมือและอุปกรณ์การเกษตรที่ได้รับความเสียหาย ค่าใช้จ่ายในการทำการเกษตรรอบใหม่ วงเงินรายละไม่เกิน 500,000 บาท อัตราดอกเบี้ย MRR -2% ต่อปี ผ่อนชำระนานสูงสุดไม่เกิน 15 ปี

ทั้งนี้ ธนาคารพร้อมเข้าไปดูแลและช่วยเหลืออย่างเต็มที่ โดยจัดหาถุงยังชีพเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนทั่วไปในพื้นที่ดังกล่าวโดยทันที และหลังจากน้ำลดจะออกสำรวจความเสียหายของลูกค้าเพื่อรวบรวมข้อมูลในการวางแนวทางการช่วยเหลืออย่างตรงจุดต่อไป สำหรับเกษตรกรผู้ประสบภัยดังกล่าวสามารถแจ้งความประสงค์ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปที่ ธ.ก.ส. สาขาใกล้บ้านท่าน หรือสอบถาม รายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 0-2555-0555 ตลอด 24 ชั่วโมง

ธนาคารอาคารสงเคราะห์

ได้ออกโครงการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือที่อยู่อาศัยที่ได้รับผลกระทบจากสาธารณภัย 7 มาตรการ

1. สำหรับลูกค้าปัจจุบัน : ลดเงินงวดและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เป็นระยะเวลา 1 ปี โดยพักชำระหนี้ นาน 3 เดือน พร้อมลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เหลือ 0% ต่อปี 3 เดือนแรก และเดือนที่ 4-12 คิดอัตราดอกเบี้ยเพียง 2.00% ต่อปี พร้อมลดเงินงวดลง 50% ของเงินงวดที่ชำระในปัจจุบัน โดยเมื่อครบระยะเวลาให้ความช่วยเหลือ ลูกค้าสามารถกลับไปใช้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้เดิมต่อไป

2. สำหรับลูกค้าปัจจุบัน และลูกค้าใหม่ : กู้เพิ่มเพื่อซ่อมแซม หรือปลูกสร้างทดแทนหลังเดิม วงเงินกู้สูงสุดต่อรายต่อหลักประกันไม่เกิน 2 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเดือนที่ 1-3 เท่ากับ 0% ต่อปี พร้อมปลอดชำระเงินงวด,อัตราดอกเบี้ยเดือนที่ 4-24 เท่ากับ 2.00% ต่อปี,อัตราดอกเบี้ยปีที่ 3 เท่ากับ MRR-3.30% ต่อปี (3.24% ต่อปี),ปีที่ 4 เท่ากับ MRR -2.40% ต่อปี (4.14% ต่อปี) และปีที่ 5 จนถึงตลอดอายุสัญญา กรณีลูกค้ารายย่อย เท่ากับ MRR -0.50% ต่อปี,ลูกค้าสวัสดิการ เท่ากับ MRR -1.00% ต่อปี และกู้เพื่อซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวเนื่องเพื่อประโยชน์ในการอยู่อาศัย เท่ากับ MRR (อัตราดอกเบี้ย MRR ของ ธอส. ปัจจุบัน เท่ากับ 6.545% ต่อปี) ระยะเวลาการกู้ 40 ปี กู้ 1 ล้านบาท ผ่อนชำระเริ่มต้นเพียง 3,100 บาท เท่านั้น พิเศษ! ฟรีค่าธรรมเนียมราคาหลักประกัน (1,900-2,800 บาท) และค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการจำนองไม่เกิน 1% ของวงเงินจำนอง เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนอีกด้วย

5 มาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ ปี 2567

มาตรการที่ 1 : สำหรับลูกค้าสถานะ NPL ที่หลักประกันได้รับความเสียหาย ให้ประนอมหนี้ระยะเวลา ไม่เกิน 1 ปี 6 เดือน โดยคิดอัตราดอกเบี้ย 0% ต่อปี นาน 6 เดือนแรก และไม่ต้องชำระเงินงวด จากนั้นเดือนที่ 7-18 อัตราดอกเบี้ย 1.00% ต่อปี โดยให้ผ่อนชำระเงินงวดไม่น้อยกว่าดอกเบี้ยรายเดือน และเมื่อครบระยะเวลา ประนอมหนี้ให้กลับมาใช้อัตราดอกเบี้ยตามสิทธิเดิมก่อนที่จะใช้มาตรการนี้

มาตรการที่ 2 : สำหรับลูกค้าสถานะ NPL ที่ได้รับผลกระทบด้านรายได้ ให้ประนอมหนี้เป็นระยะเวลา ไม่เกิน 1 ปี โดยคิดอัตราดอกเบี้ย 0% ต่อปี นาน 6 เดือนแรก และผ่อนชำระเงินงวดเพียง 1,000 บาท (ตัดเงินต้นทั้งหมด) จากนั้น เดือนที่ 7-12 อัตราดอกเบี้ย 1.00% ต่อปี โดยให้ผ่อนชำระเงินงวดไม่น้อยกว่าดอกเบี้ยรายเดือน บวกอีก 100 บาท และเมื่อผ่อนชำระครบระยะเวลาประนอมหนี้ ให้ลูกค้ากลับมาใช้อัตราดอกเบี้ยตามสิทธิเดิมก่อนที่จะใช้มาตรการนี้

มาตรการที่ 3 : สำหรับลูกค้าสถานะบัญชีปกติและสถานะ NPL ที่เสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวร ให้ผ่อนชำระ โดยใช้อัตราดอกเบี้ย 0.01% ต่อปี ตลอดระยะเวลาที่คงเหลือ (พิจารณาเป็นรายกรณี)

มาตรการที่ 4 : สำหรับลูกค้าสถานะบัญชีปกติและสถานะ NPL หากที่อยู่อาศัยได้รับความเสียหายทั้งหลัง และไม่สามารถซ่อมแซมได้ ให้ปลอดหนี้ในส่วนของราคาอาคาร และให้ผ่อนชำระต่อเฉพาะในส่วนของที่ดินที่คงเหลือเท่านั้น (พิจารณาเป็นรายกรณี)

มาตรการที่ 5 : พิจารณาสินไหมเร่งด่วน (Fast Track) สำหรับลูกค้าที่ทำกรมธรรม์ประกันอัคคีภัยที่อยู่อาศัย ซึ่งคุ้มครองภัยธรรมชาติกับบริษัทประกันภัยที่ธนาคารจัดให้ พิจารณาจ่ายค่าสินไหมให้กับลูกค้าที่ประสบภัยทุกราย อย่างเร่งด่วนเป็นกรณีพิเศษ โดยผู้เอาประกันสามารถแจ้งความเสียหายโดยใช้ภาพถ่าย จ่ายตามความเสียหายจริงไม่เกิน 20,000 บาท และสำหรับลูกค้าที่มีกรมธรรม์เริ่มความคุ้มครองตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 เพิ่มความคุ้มครองภัยธรรมชาติตามความเสียหายจริงอีกไม่เกิน 30,000 บาท ต่อปี (รายละเอียดและเงื่อนไขเป็นไปตามกรมธรรม์)

ทั้งนี้ ลูกค้าสามารถติดต่อได้ที่สาขาของ ธอส. ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2568 ส่วนลูกค้าที่ประสงค์ขอรับบริการ “5 มาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ ปี 2567” มาตรการที่ 1-4 สามารถติดต่อได้ที่สาขาของ ธอส. ตั้งวันนี้ถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2567 และมาตรการที่ 5 ติดต่อได้ที่สาขาของ ธอส. ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โทร. 0-2645-9000

ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK)

นายรักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ฝนตกหนักในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง ส่งผลให้หลายพื้นที่ประสบปัญหาอุทกภัย สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สิน และความเป็นอยู่ของประชาชน EXIM BANK พร้อมเคียงข้างผู้ประกอบการไทย โดยออกมาตรการช่วยเหลือเพื่อบรรเทาผลกระทบและสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ดังนี้

1. เพิ่มทุนและโอกาสฟื้นฟูกิจการ

• เพิ่มวงเงินหมุนเวียนชั่วคราว สูงสุด 20% ของวงเงินหมุนเวียนเดิม ทั้งนี้ ไม่เกิน 2 ล้านบาท โดยใช้อัตราดอกเบี้ยเดิม

• แปลงภาระหนี้ระยะสั้น เป็นภาระหนี้ระยะยาว ผ่อนชำระสูงสุด 3 ปี

2. ลดภาระ

• พักชำระหนี้เงินต้น สูงสุด 12 เดือน

•  ปรับลดอัตราดอกเบี้ย ปีแรกลง 0.50% หรือ จ่ายดอกเบี้ยเพียง 50% ในช่วง 6 เดือนแรก

3. ขยายระยะเวลา

• ขยายระยะเวลาตั๋วสัญญาใช้เงิน สูงสุด 180 วัน

• ขยายระยะเวลาเงินกู้ สูงสุด 7 ปี

ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ย Prime Rate ปัจจุบันเท่ากับ 6.35% ต่อปี

ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank

ออก 3 มาตรการช่วยเหลือเร่งด่วนให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีสามารถกลับมาเดินหน้าธุรกิจได้ในเร็ววัน ได้แก่

1.มาตรการ “พักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย” สำหรับลูกค้าธนาคารที่ได้รับผลกระทบทางตรงและทางอ้อม ในพื้นที่ประสบภัยพิบัติตามที่ธนาคารกำหนด เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย ด้วยการพักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย สำหรับกลุ่มเงินกู้ยืมแบบมีระยะเวลา (Term Loan) สูงสุดไม่เกิน 12 เดือน สัญญาเบิกเงินทุนหมุนเวียนประเภทตั๋วสัญญาใช้เงิน (P/N) และสินเชื่อแฟกตอริ่ง ขยายระยะเวลาชำระตั๋วสัญญาใช้เงินออกไปอีกสูงสุด 180 วัน และสามารถพักชำระดอกเบี้ยได้

2.มาตรการ “เติมทุนฟื้นฟูกิจการ” ประกอบด้วย “สินเชื่อฉุกเฉิน” สำหรับลูกค้าเดิมได้รับผลกระทบทางตรง ที่มีสถานประกอบการตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ภัยพิบัติตามที่ธนาคารกำหนด เพื่อให้มีวงเงินกู้ฉุกเฉิน นำไปฟื้นฟูธุรกิจเฉพาะหน้า วงเงินกู้ 10% ของวงเงินเดิม ขั้นต่ำ 30,000 บาท สูงสุด 200,000 บาท (บุคคลธรรมดา สูงสุด 100,000 บาท และนิติบุคคล สูงสุด 200,000 บาท) อัตราดอกเบี้ย MLR ต่อปี ระยะเวลากู้ 3 ปี ปลอดชำระเงินต้น 12 เดือน ไม่ต้องมีหลักประกัน ยกเว้นค่าธรรมเนียม ลดกระบวนการนำส่งเอกสารในการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบทางตรงเป็นการเร่งด่วน

3. “สินเชื่อ Boost Up เพื่อเอสเอ็มอีประสบอุทกภัย” เปิดกว้างทั้งลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยทางตรง ซึ่งมีสถานประกอบการอยู่ในพื้นที่ตามประกาศของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เพื่อลงทุน ปรับปรุง หรือหมุนเวียนเสริมสภาพคล่อง เพื่อฟื้นฟูกิจการ วงเงินกู้สูงสุด 2 ล้านบาท (รวมทุกสถาบันการเงินสูงสุดไม่เกิน 40 ล้านบาท) อัตราดอกเบี้ย 3.50% ต่อปี คงที่ 2 ปีแรก ส่วนปีที่ 3 เป็นต้นไป MLR +1.5% ต่อปี ระยะเวลาผ่อนนานสูงสุด 5 ปี ปลอดชำระเงินต้นสูงสุด 12 เดือน หลักประกัน ใช้ บสย. ค้ำประกันได้เต็มวงเงิน สิ้นสุดวันรับคำขอกู้ภายใน 30 ธันวาคม 2567 หรือจนกว่าจะเต็มวงเงินของโครงการ

มาตรการช่วยเหลือครั้งนี้เป็นทางเลือกโดยสมัครใจ ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ต้องการรับบริการ แจ้งความประสงค์ได้ผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น สาขาของ SME D Bank ทุกแห่ง,LINE Official Account : SME Development Bank,เว็บไซต์ www.smebank.co.th เป็นต้น สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Call Center 1357

บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.)

บสย. เดินหน้ามาตรการช่วยเหลือภาคใต้ด้วยมาตรการเสริมสภาพคล่อง โครงการค้ำประกันสินเชื่อดอกเบี้ยถูก SMEs ฟื้นฟู No One Left Behind วงเงิน 1,000 ล้านบาท ภายใต้โครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS 11 “บสย. SMEs ยั่งยืน” ค้ำประกันตั้งแต่ 1 หมื่น-2 ล้านบาทต่อราย นานสูงสุด 10 ปี อัตราค่าธรรมเนียม 1.25% ต่อปี ฟรี! ค่าธรรมเนียม 3 ปีแรก พร้อมยกเว้นค่าดำเนินการค้ำประกันตลอดโครงการ โดยเปิดรับคำขอค้ำประกันตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 เมษายน 2568

นอกจากให้ความช่วยเหลือผ่านมาตรการต่างๆ บสย. ยังได้เฝ้าติดตามสถานการณ์และผลกระทบอย่างใกล้ชิดในพื้นที่จังหวัดอื่นๆ ในพื้นที่ภาคใต้ ที่มีแนวโน้มเป็นพื้นที่ประสบอุทกภัย พร้อมมอบหมายให้สำนักงานเขต บสย. ทั่วประเทศเร่งสำรวจ ตรวจสอบและสื่อสารประชาสัมพันธ์มาตรการช่วยเหลือดังกล่าว ตลอดจนมอบหมายทีมงานของสำนักงานเขต บสย. ในพื้นที่ภาคใต้ ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลืออื่นๆ เพิ่มเติม ตลอดจนให้คำปรึกษาแก่ผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย เพื่อให้คำแนะนำในการพลิกฟื้นธุรกิจอีกด้วย

สำหรับผู้ประกอบการ SMEs ที่อยู่ในพื้นที่ประสบอุทกภัยตามประกาศของ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สามารถปรึกษาหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและรายละเอียดการเข้าร่วมมาตรการได้ที่ สำนักงานเขตในพื้นที่ หรือ บสย. Call Center โทร. 0-2890-9999 หรือช่องทาง LINE OA : @tcgfirst บริการตรวจสุขภาพทางการเงิน พร้อมจองคิวขอรับคำปรึกษาทางการเงิน ฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย

คำปฏิเสธ: บทความนี้ทำซ้ำจากสื่ออื่น ๆ วัตถุประสงค์ของการพิมพ์ซ้ำคือการถ่ายทอดข้อมูลเพิ่มเติมไม่ได้หมายความว่าเว็บไซต์นี้เห็นด้วยกับมุมมองและรับผิดชอบต่อความถูกต้องและไม่รับผิดชอบใด ๆ ตามกฎหมาย แหล่งข้อมูลทั้งหมดในเว็บไซต์นี้ได้รับการรวบรวมบนอินเทอร์เน็ตจุดประสงค์ของการแบ่งปันคือเพื่อการเรียนรู้และการอ้างอิงของทุกคนเท่านั้นหากมีการละเมิดลิขสิทธิ์หรือทรัพย์สินทางปัญญาโปรดส่งข้อความถึงเรา