2025-02-10
IDOPRESS
6 วิธีป้องกันพอร์ตลงทุน ไม่ให้ถูก Forced Sell ในยุคที่การลงทุนผันผวน
ในยุคที่ตลาดการลงทุนผันผวนอย่างต่อเนื่อง การรักษาพอร์ตลงทุนให้เติบโตอย่างมั่นคงดูเหมือนจะเป็นความท้าทายสำหรับนักลงทุน ประกอบกับการอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ข่าวสารและเหตุการณ์ต่าง ๆ สามารถพลิกผันราคาหุ้นได้ในชั่วข้ามคืน แต่ท่ามกลางความเสี่ยงมากมายที่นักลงทุนต้องเผชิญ มีปัจจัยเสี่ยงหนึ่งที่ควรคำนึง นั่นคือForced Sellหรือ การถูกบังคับขายหุ้นที่สามารถสร้างผลกระทบให้พอร์ตลงทุนได้
Forced Sell คืออะไร
Forced Sell เกิดขึ้นเมื่อนักลงทุนนำหลักทรัพย์ไปค้ำประกันเงินกู้กับบริษัทหลักทรัพย์ และราคาของหลักทรัพย์นั้นปรับลดลงจนต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ บริษัทหลักทรัพย์จะมีสิทธิบังคับขายหลักทรัพย์เหล่านั้นเพื่อชำระหนี้ ซึ่งจะส่งผลให้ราคาหุ้นร่วงลงอย่างรวดเร็ว และอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อนักลงทุนรายอื่น ๆ ที่ถือหุ้นอยู่ในบริษัทเดียวกัน (ระดับ Forced Sell หากราคาหุ้นปรับลดลง จนหลักประกันอยู่ระดับต่ำกว่าระดับบังคับขาย ถ้าไม่วางหลักประกันเพิ่มภายในเวลาที่กำหนด จะถูกบังคับขายในวันที่ T+1)
Forced Sell กระทบต่อตลาดหุ้นอย่างไร
Forced Sell ไม่ต่างจากการโยนก้อนหินลงในสระน้ำ ผลกระทบไม่ได้จบแค่จุดที่หินตกกระทบน้ำ แต่คลื่นที่เกิดขึ้นจะแผ่ขยายวงกว้างออกไปในหลายทิศทาง
• ผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน
Forced Sell ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อนักลงทุนที่ถูกบังคับขายเท่านั้น แต่ยังสร้างความกังวลและความไม่มั่นใจให้กับนักลงทุนรายอื่น ๆ อีกด้วย เมื่อเห็นราคาหุ้นปรับลดลงอย่างรวดเร็วจากเหตุการณ์ Forced Sell อาจรีบขายเพื่อตัดไฟแต่ต้นลม แม้จะยังไม่มีเหตุผลชัดเจน ก่อให้เกิดแรงขายกดดันราคาหุ้นให้ปรับลดลงต่อไป
• ผลกระทบต่อสภาพคล่องของตลาด
การถูกบังคับขายจำนวนมากในเวลาอันสั้น จะส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องของตลาดหุ้น ทำให้นักลงทุนทั่วไปหาผู้ซื้อหรือผู้ขายสินทรัพย์ได้ยากขึ้น ราคาหุ้นจึงมีความผันผวนสูงและอาจเคลื่อนไหวในทิศทางที่คาดเดาไม่ได้ ส่งผลให้การลงทุนมีความเสี่ยงมากขึ้น
• ผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของบริษัท
เมื่อเกิดเหตุการณ์ Forced Sell ขึ้นกับบริษัทใดบริษัทหนึ่ง มักจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของบริษัทนั้น ๆ ทำให้นักลงทุนมองว่าบริษัทมีปัญหาทางการเงินหรือมีการบริหารงานที่ไม่ดี ซึ่งจะส่งผลต่อราคาหุ้นในระยะยาว
• ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม
เหตุการณ์ Forced Sell อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมได้ เนื่องจากการลงทุนในตลาดหุ้นเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เมื่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนลดลง การลงทุนก็จะหดตัวลง ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอตัวลงตามไปด้วย
กลยุทธ์ในการป้องกันตัวจาก Forced Sell
• ทำความเข้าใจพอร์ตลงทุนของตัวเอง
วิเคราะห์พอร์ตลงทุนของตัวเองอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ทราบถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น และปรับพอร์ตให้มีความหลากหลายมากขึ้น
• กระจายการลงทุน
การกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์ประเภทต่าง ๆ เช่น หุ้น กองทุนรวม ตราสารหนี้ ทองคำ จะช่วยลดความเสี่ยงจากการที่สินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่งเกิดปัญหา หรือหากลงทุนหุ้น ควรลงทุนในหลายกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีปัจจัยพื้นฐานแตกต่างกัน เพื่อลดความเสี่ยงหากเกิดปัญหาในอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่ง
• เลือกหุ้นที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง
หุ้นที่มีพื้นฐานธุรกิจที่ดีและมีผลประกอบการที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง จะมีความเสี่ยงในการถูก Forced Sell น้อยกว่าหุ้นที่ไม่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ
• ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด
การติดตามข่าวสารเกี่ยวกับบริษัทที่ลงทุนอยู่ และข่าวสารเกี่ยวกับตลาดหุ้นอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้นักลงทุนสามารถรับรู้ถึงสัญญาณเตือนภัยล่วงหน้า และตัดสินใจปรับพอร์ตลงทุนได้ทันท่วงที
• วางแผนการลงทุนระยะยาว
การลงทุนระยะยาวจะช่วยให้นักลงทุนสามารถรับมือกับความผันผวนของตลาดได้ดีกว่า และลดความเสี่ยงจากการตัดสินใจลงทุนด้วยอารมณ์
• ระวังการใช้เงินกู้ลงทุน
หลีกเลี่ยงการใช้เงินกู้หรือมาร์จิ้น (Margin) ในการลงทุน เพราะนอกจากจะต้องแบกรับภาระดอกเบี้ยแล้ว ยังเสี่ยงต่อการถูกบังคับขาย เมื่อราคาหุ้นลดลง หากจำเป็นต้องใช้มาร์จิ้น ควรใช้ในสัดส่วนที่ต่ำ เช่น ไม่เกิน 5-10% ของเงินลงทุน และต้องมีเงินสำรองพร้อมเพิ่มหลักประกันหากราคาหุ้นลดลง
Forced Sell เป็นปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลกระทบต่อนักลงทุนในหลายมิติ ไม่เพียงแต่ทำให้เกิดการขาดทุนทางการเงินเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของตลาด สภาพคล่อง และภาพลักษณ์ของบริษัท รวมถึงเศรษฐกิจโดยรวมอีกด้วย ดังนั้น นักลงทุนจึงควรมีความเข้าใจเกี่ยวกับ Forced Sell เพื่อวางแผนการลงทุนและป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้