2025-02-17
HaiPress
"สทน.-ส.อ.ท." ลงนามความร่วมมือส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนิวเคลียร์และรังสี ช่วยยกระดับอุตสาหกรรมไทย เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน
เมื่อวันที่ 14 ก.พ.68 สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ร่วมกับ สถาบันเทคโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ “สทน.” ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ด้านการส่งเสริมและสนับสนุนการใช้ประโยชน์ของเทคโนโลยีและรังสี ภายในงาน FTI EXPO 2025 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนิวเคลียร์และรังสี ศึกษาวิจัย รวมถึงการให้บริการแก่ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมทุกระดับทั่วประเทศ เพื่อให้เกิดประโยชน์ในการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ
รศ.ดร.ธวัชชัย อ่อนจันทร์ ผู้อำนวยการ สทน. กล่าวว่าในนามสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) เพื่อร่วมกันส่งเสริม สนับสนุนการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนิวเคลียร์และรังสีในด้านการศึกษาวิจัยและการให้บริการแก่ผู้ประกอบการภาค อุตสาหกรรมทุกระดับทั่วประเทศ สทน. มีความพร้อมทั้งบุคลากรที่เชี่ยวชาญ มีองค์ความรู้เครื่องมือและอุปกรณ์ห้องปฏิบัติการที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัยและการบริการ เมื่อได้รับการสนับสนุนจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและเกิดความร่วมมือต่าง ๆ จะยิ่งส่งผลให้การดำเนินงานประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ นับเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยให้ภาคอุตสาหกรรมไทย สามารถเข้าถึงผลงานวิจัยและนวัตกรรม รวมถึงบริการที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีนิวเคลียร์และรังสี สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจ เพื่อเปิดประสบการณ์สู่การสร้างโอกาส ตอบโจทย์ความต้องการของประเทศ ตลอดจนสร้างมูลค่าและคุณค่าทางเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม มุ่งสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน สำหรับขอบเขตความร่วมมือครั้งนี้ สทน.และ สอท. จะร่วมมือในการส่งเสริมงานวิจัยด้านเทคโนโลยีนิวเคลียร์และรังสีทั้งด้านอุตสาหกรรม เกษตร อาหาร สมุนไพร สุขภาพ และอื่น ๆ ร่วมกัน โดย ส.อ.ท.เป็นผู้รวบรวมประเด็นปัญหาหรือความต้องการของภาคอุตสาหกรรมที่จะปรับปรุงพัฒนาด้วยเทคโนโลยีนิวเคลียร์และรังสี และ สทน. เป็นผู้นำไปวิจัยตามกระบวนการวิจัยจนบรรลุผลสำเร็จ และส่งมอบผลงานวิจัยพร้อมทั้งถ่ายทอดองค์ความรู้ให้แก่ภาคอุตสาหกรรม
ทางด้าน นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่าการยกระดับอุตสาหกรรมไทยเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันให้เติบโตอย่างยั่งยืนนั้น การต่อยอดและการประยุกต์ใช้ผลงานวิจัย เทคโนโลยีและนวัตกรรม เข้ากับกระบวนการผลิตของภาคอุตสาหกรรม ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยยกระดับประสิทธิภาพและคุณภาพการผลิตของภาคอุตสาหกรรม
อีกทั้งยังช่วยลดระยะเวลาและต้นทุนการผลิต ส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมสามารถปรับตัวให้เท่าทันกับสถานการณ์ปัจจุบัน และเท่าทันต่อความต้องการของผู้บริโภคและรูปแบบการค้าที่เปลี่ยนแปลงไป สอดรับกับกับนโยบาย ONE FTI ที่มุ่งมั่นขับเคลื่อนนโยบายเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้อุตสาหกรรมไทยเพื่อประเทศไทยที่เข้มแข็งกว่าเดิม ผ่านแนวทาง 4 Go ในส่วนของ Go Innovation ที่มุ่งเน้นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยเทคโนโลยี และนวัตกรรม เพื่อผลักดันให้ภาคอุตสาหกรรมไทยหลุดพ้นจากกับดักของเศรษฐกิจ จากเดิมทำมากได้น้อย ให้เปลี่ยนเป็นทำน้อยได้มากด้วยนวัตกรรม เพื่อสร้างความแตกต่างและเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าและบริการ