2025-02-17
IDOPRESS
ธนาคารโลก ประเมินเศรษฐกิจไทยปีนี้ 2.9% มีแรงส่งจากการเบิกจ่ายงบประมาณและการท่องเที่ยวฟื้นเท่าก่อนโควิดในช่วงกลางปีนี้ ส่วนเงินหมื่นของรัฐ ช่วยลดความยากจนได้
วันที่ 14 ก.พ. นายเกียรติพงศ์ อริยปรัชญา นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของธนาคารโลกประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในปี 68 คาดว่าจะขยายตัว 2.9% จาก 2.6% ในปี 67 โดยมีแรงขับเคลื่อนมาจากการลงทุนที่ฟื้นตัว โดยได้รับการสนับสนุนจากการเบิกจ่ายงบประมาณที่สูงขึ้นและการดำเนินโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐานที่อยู่ในแผน รวมทั้งการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนยังคงมีบทบาทสำคัญ โดยคาดว่าการท่องเที่ยวจะฟื้นตัวกลับสู่ระดับก่อนโควิด-19 ภายในกลางปี 68
ขณะที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลก นวัตกรรม ผู้ประกอบการ และภาคธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ที่มีความยืดหยุ่นและพลวัตสูง จะมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อการเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจและกระตุ้นการเติบโตอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ประเทศไทยมีโอกาสในการเสริมสร้างความยืดหยุ่นทางการคลังผ่านการปรับปรุงประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ และการใช้จ่ายงบประมาณอย่างมีเป้าหมายที่ชัดเจน การขยายฐานภาษีและการให้ความสำคัญกับการลงทุนที่ส่งเสริมการเติบโตในด้านโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีใหม่จะเป็นปัจจัยสำคัญต่อความยั่งยืนในระยะยาว
นายเกียรติพงศ์ กล่าวว่า ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมสามารถจะกลายเป็นผู้ขับเคลื่อนการเติบโตที่แข็งแกร่งในอนาคต แต่เอสเอ็มอี และสตาร์ทอัพ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนกว่า 90% ของธุรกิจในประเทศไทยและเป็นแหล่งจ้างงานสำคัญ ยังคงเผชิญกับอุปสรรคในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน เทคโนโลยี และตลาดต่างประเทศ
ด้านการพัฒนาสตาร์ทอัพดิจิทัล ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อความสามารถในการแข่งขันในอนาคต ยังเป็นอีกหนึ่งด้านที่ควรได้รับการปรับปรุง โดยจำเป็นต้องเสริมสร้างกรอบการกำกับดูแล โดยเฉพาะในด้านการแข่งขัน การค้า และการลงทุน รวมถึงการขยายการสนับสนุนทางการเงินเพื่อส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจเหล่านี้
ส่วนการศึกษาและการฝึกอบรมทักษะด้านดิจิทัลและการเป็นผู้ประกอบการจะช่วยเสริมสร้างศักยภาพให้แก่แรงงานไทยในการขับเคลื่อนนวัตกรรมและขยายธุรกิจ นอกจากนี้ การเสริมสร้างบทบาทของไทยในห่วงโซ่มูลค่าโลกและการบูรณาการระดับภูมิภาคจะช่วยส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง
นางเมลินดา กูด ผู้อำนวยการธนาคารโลกประจำประเทศไทยและเมียนมา กล่าวว่า จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องและโครงการโอนเงิน 10,000 บาทของรัฐบาล ทำให้ความยากจนของคนไทยลดลงเหลือ 8.2% ในปี 67 จาก 8.5% ในปี 66
อย่างไรก็ตาม แม้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจะดีกว่าที่คาดไว้ แต่เศรษฐกิจของไทยยังคงต่ำกว่าระดับศักยภาพที่ควรเป็น โดยความท้าทายคือการลดระดับหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง การกระตุ้นการลงทุนภาคเอกชน และการเสริมสร้างความยั่งยืนทางการคลังท่ามกลางความต้องการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น จากความเสี่ยงด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสังคมผู้สูงอายุ
“ประเทศไทยมีความก้าวหน้าอย่างโดดเด่นในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา การปลดล็อกศักยภาพการเติบโตในอนาคต จำเป็นต้องอาศัยการดำเนินการที่กล้าตัดสินใจ การลงทุนในระบบนิเวศนวัตกรรม การพัฒนาทักษะสำหรับอนาคต และการสร้างสภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบที่เอื้ออำนวยจะช่วยให้คนไทยสามารถปรับตัวรับมือกับความท้าทายระดับโลกและเติบโตได้อย่างมั่นคงในอนาคต”