‘พิชัย’ จับมือเอกชนเปิดเวทีถอดรหัสนโยบายภาษีทรัมป์-ย้ำทุกวิกฤติมีโอกาส

2025-04-27 IDOPRESS

“พิชัย” จับมือภาคเอกชน เปิดเวทีถอดรหัสนโยบายภาษีทรัมป์ ย้ำทุกวิกฤติย่อมมีโอกาสใหม่ของไทย รัฐบาลเดินหน้าเจรจาเอฟทีเอ-คุมเข้มสินค้าด้อยคุณภาพ–สกัดการสวมสิทธิ์อย่างเด็ดขาด

เมื่อวันที่ 25 เม.ย.68 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเวทีสัมมนา “ถอดรหัสนโยบายภาษีทรัมป์: โอกาสของการค้ายุคใหม่” ร่วมกับผู้แทนจากภาครัฐและเอกชน อาทิ หอการค้าไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และทูตพาณิชย์ในสหรัฐอเมริกา ภายใต้นโยบายภาษีสหรัฐฯและสถานการณ์ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน อาจกลายเป็นโอกาสสำคัญของไทยในการขยายตลาดส่งออก โดยเฉพาะสินค้าเป้าหมายที่ไทยสามารถเข้าไปทดแทน พร้อมเร่งเดินหน้าเจรจา FTA กับหลายประเทศ ควบคู่มาตรการเข้มสกัดสินค้าด้อยคุณภาพและการสวมสิทธิ์นำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ

นายพิชัย เปิดเผยว่าการจัดสัมมนานี้เพื่อให้เห็นว่าในภาวะวิกฤติ ย่อมมีโอกาส ประเทศไทยจึงควรวิเคราะห์เชิงลึกว่าสามารถใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ภาษีที่สหรัฐฯ เรียกเก็บอย่างเข้มข้นได้อย่างไร โดยเฉพาะสินค้าไทยที่มีศักยภาพ เช่น ถุงมือยาง ยางรถยนต์ และอาหารสัตว์ ปัจจุบันไทยครองส่วนแบ่งตลาดในสหรัฐฯ ประมาณ 20% ขณะที่จีนซึ่งเผชิญภาษีสูง อาจสูญเสียตลาดส่วนนี้ ซึ่งเป็นโอกาสที่ไทยสามารถแทรกตัวเข้าไปเพิ่มส่วนแบ่งตลาดได้

“เดือนมี.ค.ที่ผ่านมา ไทยมีมูลค่าส่งออกทะลุ 29,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ถือเป็นสถิติสูงสุดในประวัติศาสตร์ แสดงให้เห็นถึงการส่งออกที่ยังดำเนินต่อไปได้ แม้ในภาวะความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์”

รมว.พาณิชย์ยังได้กล่าวถึงความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาสินค้าด้อยคุณภาพและการสวมสิทธิ์ทางการค้า โดยกระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินคดีกับสินค้าด้อยคุณภาพแล้วกว่า 29,000 คดี และตรวจพบบริษัทต้องสงสัยว่าเป็นนอมินี (Nominee) แล้ว 852 บริษัท มูลค่าทุนจดทะเบียนรวมกว่า 15,000 ล้านบาท อีกทั้งเตรียมตรวจสอบเพิ่มเติมอีกเป็นจำนวนมาก เพื่อป้องกันการแอบอ้างสิทธิ์การค้าไทย

ขณะเดียวกัน รัฐบาลยังเร่งรัดการเจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTA) กับหลายประเทศ โดยเฉพาะ FTA ไทย-สหภาพยุโรป คาดว่าจะสามารถปิดการเจรจาได้ภายในสิ้นปีนี้ รวมถึงการเจรจากับเกาหลีใต้และแคนาดา ซึ่งยังดำเนินต่อเนื่องแม้มีอุปสรรคจากการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลในบางประเทศ

ในส่วนของความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯ กระทรวงพาณิชย์ได้ติดตามอย่างใกล้ชิด โดยมีการหารือกับภาคเอกชนสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง ทั้งจากธนาคารขนาดใหญ่และบริษัทเทคโนโลยี ซึ่งให้ความสนใจบทบาทของไทยในฐานะศูนย์กลางทางการเงินและห่วงโซ่อุปทานในภูมิภาค รวมถึงการแก้ปัญหาการสวมสิทธิ์อย่างจริงจัง

“เราต้องไม่ยอมให้สินค้าจากประเทศที่ถูกกีดกันทางภาษี ใช้ไทยเป็นทางผ่านด้วยการเปลี่ยนฉลากหรือเอกสารต้นทาง เพราะนั่นไม่เพียงกระทบต่อชื่อเสียงประเทศ แต่ยังอาจทำให้ไทยตกเป็นเป้าหมายของมาตรการตอบโต้จากประเทศคู่ค้า โดยกระทรวงพาณิชย์จะเป็นผู้รับผิดชอบการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (C/O) เพียงผู้เดียวแทนเอกชน เพื่อความน่าเชื่อถือ“ นายพิชัย กล่าว

ทั้งนี้ ภายในงานสัมมนายังได้เปิดเผยรายการสินค้าศักยภาพที่ไทยสามารถส่งออกไปทดแทนสินค้าจีนได้ในตลาดสหรัฐฯ โดยจะมีการเผยแพร่รายละเอียดให้ภาคเอกชนและผู้ประกอบการนำไปใช้ในการวางแผนการผลิตและส่งออกอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป สำหรับผู้ประกอบการและผู้สนใจสามารถรับชมกิจกรรมย้อนหลังและติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทาง Facebook: สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ หรือสอบถามได้ที่สายด่วน 1169 กด 1 กด 1

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เมื่อวันที่ 24 เม.ย.ที่ผ่านมา นายพิชัยได้ไปบรรยายพิเศษในหัวข้อ “ยุทธศาสตร์การค้าต่างประเทศในอนาคต” ต่อผู้บริหารระดับสูงจากทั้งภาครัฐและเอกชน ในหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงด้านการค้าและการพาณิชย์ (Top Executive Program in Commerce and Trade: TEPCoT) รุ่นที่ 17 ณ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย โดยเน้นย้ำบทบาทของ “การส่งออก” ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การใช้ประโยชน์จาก FTA และการเร่งจัดระเบียบธุรกิจที่ผิดกฎหมายอย่างเป็นรูปธรรม

คำปฏิเสธ: บทความนี้ทำซ้ำจากสื่ออื่น ๆ วัตถุประสงค์ของการพิมพ์ซ้ำคือการถ่ายทอดข้อมูลเพิ่มเติมไม่ได้หมายความว่าเว็บไซต์นี้เห็นด้วยกับมุมมองและรับผิดชอบต่อความถูกต้องและไม่รับผิดชอบใด ๆ ตามกฎหมาย แหล่งข้อมูลทั้งหมดในเว็บไซต์นี้ได้รับการรวบรวมบนอินเทอร์เน็ตจุดประสงค์ของการแบ่งปันคือเพื่อการเรียนรู้และการอ้างอิงของทุกคนเท่านั้นหากมีการละเมิดลิขสิทธิ์หรือทรัพย์สินทางปัญญาโปรดส่งข้อความถึงเรา