2025-07-22
HaiPress
ททท.เปิดแผนปี69 ลุยตลาดเชิงรุกใน 2 มิติหลัก ดันไทยเป็นประเทศรายได้ท่องเที่ยวติด Top 10 ของโลก
น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผนทิศทางการส่งเสริมตลาดการท่องเที่ยว ปี 2569 ว่า ปัจจุบันเรากำลังสู้กับคู่แข่งที่เพิ่มมากขึ้นจึงมีแผนให้ความสำคัญกับการสื่อสาร การสร้างซอฟต์พาวเวอร์ ลดการพึ่งพาตลาดใดตลาดหนึ่ง พร้อมกระจายตัวสู่ท้องถิ่นให้คนไทยไปชมอัตลักษณ์ที่หลากหลายและจะสร้างแม็กเน็ตใหม่ออกแบบให้ตรงใจนักท่องเที่ยว เพราะในปี69 นี้จำนวนนักท่องเที่ยวไม่ได้วัดที่ความสำเร็จ แต่วัดจากคุณค่าและประสบการณ์ โดยมุ่งผลักดันให้ไทยเป็นประเทศที่มีรายได้สูงสุดติด 1 ใน 10 ของโลก
ทั้งนี้ ในตลาดต่างประเทศจะมุ่งทำการตลาดเชิงรุก โดยให้ความสำคัญใน 2 มิติหลัก ได้แก่ มิติกลุ่มตลาด ที่มีศักยภาพสูงในการเดินทาง ได้แก่ Millennials,Gen Z,Luxury และ Health & Wellness และมิติกลุ่มพื้นที่ (Market Areas) แบ่งเป็น 3 กลุ่ม เพื่อตอบโจทย์เชิงรายได้อย่างชัดเจน ได้แก่
1) กลุ่ม Priority ประกอบด้วย กลุ่มตลาดหลัก อาทิ จีน ฮ่องกง จะมุ่งสร้างภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย พร้อมขยายสู่เมืองท่องเที่ยวใหม่ กลุ่มตลาดระยะใกล้ ได้แก่ มาเลเซียเกาหลีใต้ สิงคโปร์ สร้างภาพจำใหม่ ขยายตลาด Segment ใหม่ควบคู่กับกระตุ้นฐานตลาดเดิม กลุ่มตลาดระยะใกล้ที่เติบโตดี ได้แก่ อินเดีย ญี่ปุ่น เน้นเจาะกลุ่ม Quality Leisure และกลุ่มตลาดระยะไกลที่เติบโตดี ได้แก่ รัสเซีย อังกฤษ สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส และเยอรมนี มุ่งเจาะกลุ่ม High Value สร้าง New Million Market
2) กลุ่มตลาดขนาดกลาง-เล็ก ได้แก่ ตลาดระยะใกล้ อาทิ ไต้หวัน เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ กระตุ้นและขยายตลาดใหม่ทั้งในเชิง Segment และพื้นที่ ตลาดระยะไกล อาทิ ออสเตรเลีย สแกนดิเนเวีย อิตาลี สเปน เร่งสร้างภาพไทยในฐานะ “Green Destination” และ Long Stay Paradise
3) กลุ่ม High Value Market ตลาดตะวันออกกลางศักยภาพสูง นำเสนอ Premium Leisure และ Health & Wellness พร้อมรักษาการเติบโตของอิสราเอล รวมถึงทำ Airline Focus เพิ่มที่นั่งและความถี่เที่ยวบิน
ด้านตลาดในประเทศ ไทยเที่ยวไทยยังคงเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยสร้างเศรษฐกิจฐานรากที่แข็งแกร่ง และนำพาสู่การท่องเที่ยวยั่งยืน ททท. จึงเดินเกมด้วยกลยุทธ์การตลาดเชิงพื้นที่ ผสมผสานกับการออกแบบสินค้าและบริการเชิงประสบการณ์ เพื่อตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายศักยภาพ Millennials,High End/ Ultra Wealth และ Multi-Generation Family โดยนำเสนอกิจกรรม Exclusive Experience ในจังหวัดท่องเที่ยวหลัก,กระตุ้นความถี่ในกลุ่มจังหวัดเมืองหลัก-น่าเที่ยว ให้เกิดการเดินทางตลอดทั้งปี ด้วยการเจาะตลาด Health and Wellness และส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวข้ามภาคด้วยสินค้าบริการที่นำเสนอเสน่ห์ไทยและเพิ่ม Event Marketing
ขณะเดียวกัน ยังคงส่งเสริมเมืองน่าเที่ยวด้วยสินค้าและบริการตามอัตลักษณ์พื้นที่ โดยมีไฮไลต์ตามภูมิภาค ได้แก่ ภาคกลาง ชวนสัมผัสเสน่ห์ดินแดนลุ่มแม่น้ำ กับคอนเซปต์ “เที่ยวกลาง เที่ยวใกล้ เที่ยวได้เลย” ภาคตะวันออก สนุกกับ “สีสันตะวันออก” ด้วยกีฬา กิจกรรมกลางแจ้ง อิ่มอร่อยกับผลไม้ และอาหารถิ่น ภาคเหนือ “Season of North สุขทันที…ฤดูนี้ ฤดูเหนือ” ชูเสน่ห์อัตลักษณ์ภาคเหนือ ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาสัมผัสวัฒนธรรมและเรื่องราววิถีชุมชน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ชวนตกหลุมรัก “ISAN Muaniverse สุขไม่ซ้ำกับประเพณีสีอีสาน” และภาคใต้ “Go South สัมผัสเสน่ห์ใต้ หลากหลายวัฒนธรรม” ลงใต้ไปสัมผัสเสน่ห์แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ ควบคู่กิจกรรม Responsible Tourism
นอกจากนี้ ททท. จะร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรม และ องค์การบริหารพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) ส่งเสริมเมืองสร้างสรรค์ ของ UNESCO 3 จังหวัด ได้แก่ สุโขทัย เพชรบุรี และสุพรรณบุรี พร้อมจะต่อยอดความสำเร็จ “Grand Moment” ผ่านแนวคิดหลัก 3 โมเมนต์ ที่เชื่อมโยง อารมณ์ ความทรงจำ และความมหัศจรรย์ของการเดินทาง ให้ทุกทริป…กลายเป็น “ช่วงเวลาแห่งความรู้สึก” ที่ไม่อาจลืม
น.ส.ฐาปนีย์ กล่าวว่า ททท. เตรียมสร้างแรงบันดาลใจให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ภายใต้แบรนด์ “Amazing Thailand” ผ่านแนวคิดหลัก“Unforgettable Experience – ประสบการณ์ที่ไม่รู้ลืม”ด้วยเป้าหมายให้ทุกการเดินทางมีความหมายลึกซึ้งและทรงคุณค่ายิ่งขึ้น สำหรับ ตลาดต่างประเทศ ททท. มุ่งสื่อสารภาพลักษณ์ประเทศไทยเป็น “จุดหมายปลายทางแห่งประสบการณ์ที่เปี่ยมคุณค่าและยั่งยืน” ผ่าน key message“Healing is the New Luxury”สะท้อนบทบาทของประเทศไทยในฐานะดินแดนแห่งการเยียวยา การพักใจ และการเชื่อมโยงคุณค่าระหว่างผู้คนกับสถานที่ ที่จะเติมเต็มพลังชีวิตให้กับทุกคนที่มาเยือน
ด้านตลาดในประเทศ ต่อยอดแคมเปญ“สุขทันที ที่เที่ยวไทย”ด้วยแนวคิด “Change Unknown to Unforgettable” ชวนคนไทยออกไปเที่ยวเมืองไทย ไปสร้างโมเมนต์ที่ยิ่งใหญ่ เพื่อเก็บเกี่ยวเป็นความทรงจำดีๆ ที่ไม่อาจลืมเลือน
สำหรับ Highlight Products ของปี 2569 จะคัดสรรประสบการณ์ทางการท่องเที่ยวที่มีอัตลักษณ์ คุณภาพและความพร้อม มาแปรรูปเป็นสินค้าท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์มัดใจนักท่องเที่ยวทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยให้น้ำหนักกับ Creative Products Focus การค้นหาจุดเน้นใหม่ๆ ที่เชื่อมโยงกับอัตลักษณ์ของพื้นที่ ได้แก่ สินค้ากลุ่มแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ เพื่อนำเสนอเป็น UNSEEN Destination – Unforgettable Experience สินค้ากลุ่มสุขภาพ (Wellness และ Meditation) สินค้ากลุ่มมูเตลูศรัทธา และความเชื่อ สินค้าตามพฤติกรรมนักท่องเที่ยวยุคใหม่
เช่น เส้นทางคนโสด เส้นทาง LGBTQ เส้นทางตามรอย Series หนัง-ละคร และภาพยนตร์ สินค้ากลุ่ม Arts & Craft Fashion กลุ่ม Sport Tourism กลุ่ม Night Tourism และกลุ่ม Thailand Soft Power สู่ 5 Must Do in Thailand Transportation & Connectivity Focusร่วมกับสายการบินพันธมิตรขยายเครือข่ายความเชื่อมโยงทางการบินด้วย Airline Focusทั้ง Commercial Flight และ Charter Flight การจัดทำเส้นทางเชื่อมโยงเมืองหลักสู่เมืองน่าเที่ยว รวมถึงประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งเส้นทางทางบก ทางน้ำ เช่น เรือยอช์ต เรือสำราญ (Cruise) เส้นทางเที่ยวแม่น้ำโขงเชื่อมโยงประเทศเพื่อนบ้าน
ทางอากาศ เช่น Private Jet และ Helicopter ทางราง (รถไฟ) เช่น รถไฟ Kiha (กีฮะ),Royal Blossom,STR Prestige,Blue Jasmin และ Thailand Standard Focus สร้างเครือข่ายและผลักดันให้เกิดการยกระดับมาตรฐานการบริการสู่มาตรฐานยั่งยืนในระดับสากลพร้อมไปกับการพัฒนา Sustainable Model อาทิ โครงการ Thailand Tourism Awards (TTA),CF Hotels,STGs STAR,Sustainable Product Prototypeภายใต้ Krabi Prototype พร้อมกันนี้ จะเดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นผ่านโครงการ Trusted Thailand (Safe Travel Stamp) เพื่อการท่องเที่ยวที่ปลอดภัย มีมาตรฐาน และสร้างภาพลักษณ์ที่แข็งแรงของประเทศไทย
นอกจากนี้ จะเติมเต็มประสบการณ์ด้วยอีเวนต์ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ให้เทศกาล ประเพณี กิจกรรมระดับนานาชาติเป็นแม่เหล็ก ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ เริ่มกันที่ World Events ได้แก่ Maha Loy Krathong จ.สุโขทัย,VIJIT Chao Phraya,Amazing Thailand Marathon 2025 Amazing Thailand Countdown และ Maha Songkran World water Festival ปรากฏการณ์ครั้งสำคัญของ TOMORROWLAND THAILAND 2026 ครั้งแรกในเอเชียในเดือนธันวาคม 2569 ต่อด้วย International Eventsอาทิ SEA GAMES Sport & Tourism ไหว้ครูมวยไทยโลก เทศกาลตรุษจีน เทศกาลดนตรีนานาชาติ Rolling Loud Thailand Wonderfruitและ Big Moutain Music Festival นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงกีฬา Thailand Marathon และฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ กิจกรรมท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ Thailand Illumination International Balloon Feasta เทศกาลพลุพัทยา และ Amazing Thailand Grand Diwali 2025 พร้อมทั้งชวนดื่มด่ำเทศกาลอัตลักษณ์ถิ่นที่เป็น Signature Thailand ในพื้นที่เมืองน่าเที่ยวทั่วประเทศ ซึ่งจะเดินหน้าส่งเสริมยกระดับเทศกาลและประเพณีท้องถิ่นที่มีศักยภาพ สู่ Internationalหรือ World Events ระดับโลก โดยมี 3 บิ๊กอีเวนต์สำคัญ ได้แก่ ประเพณีไหลเรือไฟ จ.นครพนม ประเพณีแห่เทียนพรรษา จ.อุบลราชธานี และประเพณีแห่ดาวคริสต์มาส จ.นครพนม